การบริหารปอดง่ายๆทำเองได้ทุกที่ :)
การหายใจเอาอากาศเข้าไปในปอดนั้น
ต้องมีการแลกเปลี่ยนอากาศดีและอากาศเสียที่บริเวณถุงลมของปอดซึ่งมีหลอดเลือดฝอยห่อหุ้มอยู่
เกิดการฟอกเลือดดำให้เป็นเลือดแดง เลือดแดงจะจับอากาศดีหรือออกซิเจนไว้
แล้วไหลเวียนไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และนำเอาอากาศเสียหรือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ไปปล่อยที่ถุงลมปอด
เพื่อกำจัดแก๊สเสียนี้ออกจากปอดไป การหายใจไม่ใช่เกิดขึ้นและสิ้นสุดที่ปอดเท่านั้น
แต่เกิดขึ้นที่หน่วยเล็กที่สุดของส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เรียกว่าเซลล์
เนื่องจากเซลล์ต้องการแก๊สออกซิเจนเพื่อการเผาผลาญอาหารให้เกิดพลังงาน
การหายใจเข้าสู่ปอดนั้นต้องอาศัยกล้ามเนื้อหลายมัด
เริ่มตั้งแต่กล้ามเนื้อด้านหน้าของคอที่ช่วยยกทรวงอกให้สูงขึ้น เมื่อหายใจเข้า
กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงจะยกซี่โครงขึ้นเพื่อขยายปอดทางด้านข้าง
และกล้ามเนื้อที่สำคัญที่สุด คือ กล้ามเนื้อกะบังลมที่คั่นระหว่างช่องปอดและช่องท้อง
ทำหน้าที่เป็นลูกสูบดึงเอาอากาศเข้าเมื่อมีการหดตัวเข้า
และดันอากาศออกเมื่อกล้ามเนื้อนี้คลายตัว การหายใจด้วยกล้ามเนื้อกะบังลมนั้น
สามารถดึงอากาศเข้าสู่ปอดได้มากถึงร้อยละ 70 วิธีการหายใจที่ดีที่สุดจึงเป็นการหายใจด้วยกล้ามเนื้อนี้
การบริหารปอดเป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อที่มีส่วนร่วมในการหายใจ
ช่วยให้หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้มากที่สุด
และหายใจเอาอากาศเสียออกได้เต็มที่
เสมือนหนึ่งต้องเทน้ำเสียออกจากขวดก่อนจึงใส่น้ำสะอาดเข้าไปในขวดได้ การบริหารปอดควรทำในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
อย่างเช่น ในสวนสาธารณะ บริเวณที่มีต้นไม้ใบหญ้า หรือห้องโถงที่ปราศจากมลภาวะ เช่น
ควันบุหรี่
อากาศเสียที่เป่าออกจากเครื่องปรับอากาศหรือในที่ที่มีผู้คนแออัดบนถนนที่เต็มไปด้วยรถรายานยนต์
การหายใจในสภาวะที่ไม่เหมาะสมนั้น นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังบั่นทอนสุขภาพของร่างกาย
และไม่สามารถชะลอความแก่ได้อีกด้วย
การบริหารปอดไม่ควรทำนานเกินไปเพราะอาจทำให้วิงเวียนศีรษะและหยุดหายใจได้
เพราะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในปอดทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้มีการหายใจเกิดขึ้น
ถ้าปราศจากแก๊สนี้อาจเป็นเหตุให้หยุดหายใจได้ ต้องหยุดบริหารปอดทันทีเมื่อเกิดอาการดังกล่าว
ประโยชน์ของการบริหารปอด
1. เพิ่มการขยายตัวของปอด
2. ช่วยให้การเคลื่อนไหวของทรวงอกดีขึ้น
3. ป้องกันภาวะปอดแฟ่บ
4. ลดอาการหอบเหนื่อย
5. เพิ่มความทนทานในการทำกิจวัตรประจำวัน
การบริการปอดเหมาะสำหรับใคร
ผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น
ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ปอดบวม หลอดลมโป่งพองและผู้สูงอายุ
ท่าบริหารปอด
ท่าที่ 1 ท่านั่งกำหนดลมหายใจ
นั่งบนเก้าอี้ เป่าลมออกทางปากช้าๆ นับ 1,
2, 3 หายใจเข้าทางจมูก นับในใจ 4, 5, 6 ขณะหายใจวางมือทั้ง 2 ที่ท้อง
หายใจเข้าให้ท้องป่องออก หายใจออกให้ท้องแฟบกิ่วลง
มือทั้งสองอาจช่วยดันท้องช่วยให้หายใจออกเต็มที่ ทำประมาณ 3-6 ครั้ง
ท่าที่ 2 ท่าหายใจออกด้านข้าง
หาเข็มขัดหนัง สายวัด
หรือเส้นเชือกโอบบริเวณซี่โครงไขว้มาด้านหน้า มือทั้งสองดึงเข็มขัดไว้
เวลาหายใจออกดึงเข็มขัดเข้าพร้อมหุบซี่โครงทั้ง 2 ข้าง
เวลาหายใจเข้าผ่อนเข็มขัดพร้อมให้ซี่โครงกางออกทางด้านข้าง ทำประมาณ 3-6 ครั้ง
ท่าที่ 3 ท่าแกว่งแขนขึ้นลง
ยืนกางขาเล็กน้อย
ยกแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะพร้อมหายใจเข้า แกว่งแขนทั้งสองไปข้างหลังพร้อมหายใจออก
ทำประมาณ 5-10 ครั้ง
ท่าที่ 4 ท่าไขว้แขนเข้า กางแขนออก
ยืนกางขาเล็กน้อย
ไขว้แขนทั้งสองมาข้างหน้า คว่ำมือพร้อมกับหายใจออก กางแขนเฉียงออก
หงายมือขึ้นพร้อมหายใจเข้า ทำประมาณ 5-10 ครั้ง
ท่าที่ 5 ท่าด้านซี่โครงเอียงลงด้านข้าง
ยืนกางขาเล็กน้อย
มือซ้ายแตะซี่โครงด้านข้างไว้ มือขวายกขึ้นเหนือศีรษะ ดันซี่โครงด้วยมือซ้าย
และเอียงตัวไปข้างซ้ายพร้อมกับหายใจออก-เข้า กลับเข้าท่าตรง พร้อมหายใจเข้า ทำซ้ำๆ
ประมาณ 3-6 ครั้ง เปลี่ยนมือขวาแตะซี่โครง และเอียงตัวไปข้างขวา ทำประมาณ 3-5
ครั้ง
ท่าที่ 6 หมุนตัวซ้าย-ขวา
ยืนกางขาเล็กน้อย เอามือเท้าเอว
หมุนตัวไปทางซ้ายพร้อมหายใจออก กลับเข้าสู่ท่าตรงพร้อมหายใจเข้า
หมุนตัวไปทางขวาพร้อมหายใจออก กลับเข้าสู่ท่าตรงพร้อมหายใจเข้า ทำประมาณข้างละ 3-6
ครั้ง
ท่าที่ 7 ท่าเดินกำหนดลมหายใจ
ท่าที่ 8 ท่าหายเหนื่อย
ท่านี้ทำเมื่อเกิดอาการเหนื่อยหลังจากออกกำลังกาย
เช่น วิ่งหรือใช้แรงงานอื่นๆ
-ท่านั่ง นั่งที่ริมเตียง และฟุบบนโต๊ะโดยใช้หมอนรองรับศีรษะ
หรือนั่งเก้าอี้
เอนตัวมาด้านหน้าและก้มหน้าเล็กน้อย
วางศอก2ข้างบนเข่า ปลายเท้าแยกจากกันเล็กน้อย
แขนและมือทั้งสองข้างผ่อนคลาย
-ท่ายืน ยืนหันหลัง
ให้หลังและสะโพกพิงกำแพง โดยส้นเท้าห่างจากฝาผนังประมาณ 12 นิ้ว ห่อไหล่ผ่อนคลายและก้มศีรษะมาด้านหน้าเล็กน้อย
แขนสองข้างวางแนบลำตัว
Comments
Post a Comment